Future of work (ตอน: BYOA)
9 เมษายน พ.ศ. 2557 Sayam Sriphua สำนักคอมพิวเตอร์ เปิดอ่านแล้ว 1 ครั้ง

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2012-2013 กระแสของ BOYD (Bring your own device) มาแรง ซึ่งก็คือการนำเอาอุปกรณ์(ส่วนตัว)ประเภท สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต เข้ามาใช้ในที่ทำงานด้วย อันที่จริงมันก็ไม่ได้แปลกอะไรมาก เพราะก่อนหน้านี้ เรา ๆ ก็นำโทรศัพท์มือถือมากันทุกคน แต่ประเด็นอยู่ตรงที่ โทรศัพท์มือถือของทุกวันนี้มันเป็นมากว่ามือถือ และยังมีอุปกรณ์ถือแต่ไม่ใช่โทรศัพท์เข้ามาแจมด้วย เรียกรวม ๆ ว่า mobile device และที่ว่ามันเป็นมากกว่ามือถือก็คือ มันเป็นคอมพิวเตอร์สำหรับประมวลผลดี ๆ นั่นเอง ซึ่งก็หมายความว่าสามารถติดตั้งโปรแกรมได้ และก็มีคนพัฒนาแอพลิเคชันเพื่อใช้งานในอุปกรณ์เหล่านี้มากขึ้นด้วย ที่ตามมาหลังจากคำว่า BYOD ก็คือ BYOA (Bring your own app) ถ้าให้ใช้แอพลิเคชันที่มีมากับอุปกรณ์ แต่ก็คงไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้มากเท่าไหร่นัก แต่ละคนชอบหรือใช้งานต่างกัน ก็เลือกใช้ App ที่ตัวเองถูกใจ ซึ่งก็คือที่มาของคำว่า BYOA ซึ่งข้อดีของ BYOA อีกประการก็คือ เมื่อคนต้องการใช้นำมาใช้เอง นั่นหมายความว่า ใช้เป็นแล้วหรือพอใจที่จะใช้ หากนำมาใช้ในงานก็เป็นประโยชน์ต่อองค์กรก็คือ ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการสอน ไม่ต้องเสียค่า license ด้วย แต่องค์กรเองก็อยากจะ screen ซอฟต์แวร์หรือ App ที่จะนำมาใช้ในองค์กร ว่าต้องปลอดภัย ไม่ทำให้ข้อมูลภายในรั่วไหล หรือถูกต้องตามลิขสิทธิ์ด้วย ซึ่งต่อไปก็คงจะได้เห็น Enterprise App Store (App Store ขององค์กร) แน่ ๆ ที่จะอนุญาตให้พนักงานสามารถเลือกดาวน์โหลด App ที่ตัวเองสามารถใช้ได้ มีสิทธิ์ใช้ หรืออยากใช้ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็น CYOA (Choose your own app) และหากมองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วคงไม่มีใครนึกออกหรอกว่า เราจะเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ ซึ่งเป็นยุคของ Mobility หรือถ้าจะมองไปข้างหน้าอีกสัก 10 ปี อุปกรณ์ Mobile ทุกวันนี้คงจะต้องถูก port ไปในของสวมใส่อย่างอื่น เช่น นาฬิกา แว่นตา หรือแม้แต่เสื้อผ้า การใช้งานอาจจะไม่ต้องพิมพ์แล้ว สุดท้าย การที่องค์กรใส่ใจในแนวโน้มของเทคโนโลยีหรือการตลาดอยู่เสมอ และพัฒนา mobile app เพื่อเพิ่ม productivity เพิ่มการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า องค์กรก็จะประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน